การสื่อสารที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาต่อ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กรณีศึกษา โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมการตลาดกับพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 400 คน การทดสอบความตรงของเนื้อหาและความน่าเชื่อถือด้วยวิธีของครอนบาร์คกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 40 คน ได้ระดับความเชื่อมั่น 0.918 สำหรับวิธีการทางสถิติได้แก่ การแจกแจงค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และคำนวณหาค่าความสัมพันธ์โดยใช้สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง ช่วงอายุผู้ตอบแบบสอบถาม 16 ปี รายได้ผู้ปกครองเฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 70,000 บาท เกรดเฉลี่ย 3.00 – 4.00 สถานภาพครอบครัวสมรส 372 คน ข้อมูลค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานปัจจัยด้านราคาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.43 ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.50 ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่ายโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.45 ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาดโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.46 ปัจจัยด้านการให้บริการส่วนบุคคลโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.47 ปัจจัยด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยรวม 4.47 ผลจากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยส่วนประสบการตลาดมีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในระดับมากที่สุด ปัจจัยการสื่อสารการตลาดด้านความเป็นส่วนตัวมีค่าสหสัมพันธ์เพียร์สันเท่ากับ 0.943 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .01

Abstract

In this thematic paper, the researcher examines the correlation between the factors of the marketing mix and the decision-making behavior to study at Srinakharinwirot University Prasarnmit Demonstration School (Secondary). The members of the sample population of 400 were obtained using the technique of purposive sampling. The content validity and reliability were tested using the method of Cronbach with forty members of the sample population. The reliability was at 0.918. Data were statistically analyzed using frequency distribution, percentage, mean, and standard deviation. The technique of Pearson’s correlation coefficient was employed to determine the correlation.

Findings are as follows. The questionnaire respondents were females, aged sixteen years with the parents’ average monthly income more than 70,000 baht. Their average grade was 3.00-4.00. The total of 372 subjects had the family with marital status. The data concerning the mean and standard deviation were as follows. The factor of the price overall was at the highest level with the mean of 4.43. The factor of the product overall was at the highest level with the mean of 4.50. The factor of the place overall was at the highest level with the mean of 4.45. The factor of the promotion overall was at the highest level with the mean of 4.46. The factor of the people overall was at the highest level with the mean of 4.47. The factor of the privacy overall was at the highest level with the mean of 4.47.

The hypothesis test showed that the factor of the marketing mix correlated with the decision to study at the highest level. The factor of the marketing communication in the aspect of privacy exhibited Pearson’s correlation of 0.943 at the statistically significant level of .01.